“เลือกหลังคา ให้เป็นหน้าเป็นตาให้บ้าน” หลังคาถือเป็นอีกหนึ่งโครงสร้างหลักที่สำคัญของบ้าน ซึ่งนอกจากมีหน้าที่สำคัญในการกันแดดกันฝนแล้ว ยังถือเป็นหน้าเป็นตาให้กับบ้านสวยๆ ของคุณได้อีกด้วยนะคะ ซึ่งหากต้องการจะสร้างบ้านสักหลัง จะเลือกหลังคาแบบไหนดี ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับ รูปแบบของหลังคา ที่คนส่วนใหญ่นิยมใช้กันก่อนดีกว่าค่ะ

     1. หลังคาจั่ว (Gable roof)

     มีลักษณะเป็นสันตรงกลางและลาดลงทั้งสองข้าง องศาความลาดเอียงตามผู้ออกแบบหรือตามมาตรฐานผู้ผลิตวัสดุมุง เหมาะกับสภาพอากาศแบบร้อนชื้น ก่อสร้างง่าย กันแดดกันฝนได้ดี และระบายความร้อนใต้หลังคาได้ดี เหมาะกับสภาพอากาศของเมืองไทย

     2. หลังคาปั้นหยา (Hip roof)

     มีลักษณะของผืนหลังคาลาดลงทุกด้าน สามารถกันแดดกันฝนได้ทุกด้าน ราคาค่อนข้างสูงเพราะใช้จำนวนวัสดุที่มากกว่า ช่างต้องเป็นผู้ชำนาญในการก่อสร้างพอสมควร เพราะมีรายละเอียดเยอะกว่าหลังคาชนิดอื่นๆ เหมาะกับสภาพอากาศที่มีฝนตกเยอะหรือชุกเกือบตลอดทั้งปี

     3. หลังคาเพิง (Lean to)

     มีลักษณะผืนของหลังคาที่ฝั่งหนึ่งจะยกสูงกว่าอีกฝั่งหนึ่งเพื่อให้สามารถระบายน้ำฝนได้ รูปทรงทำให้บ้านดูทันสมัย ก่อสร้างง่าย รวดเร็ว องศาความลาดเอียงต้องเหมาะสมตามการออกแบบของสถาปนิก และต้องไม่น้อยกว่าหรือมากกว่ามาตรฐานของผู้ผลิตวัสดุมุง เพื่อการรับน้ำหนักและการระบายน้ำฝนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

     4. หลังคาคอนกรีต (Slab)

     มีลักษณะแบน ทำด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก นิยมตามแบบบ้านโมเดิร์น โมเดิร์นลอฟต์ อาคารพักอาศัยขนาดใหญ่ อาคารสูง เป็นต้น สามารถใช้ประโยชน์ด้านบนได้ หลังคาคอนกรีตจะรับแดดโดยตรง ทำให้เกิดการสะสมความร้อน มีผลให้อุณภูมิภายในห้องตอนกลางคืนสูงมากกว่าปกติ เมื่อเทียบกับหลังคารูปแบบอื่น หลังคาลักษณะนี้มีความลาดเอียงน้อย เมื่อมีฝนตกมากจะเกิดการขังของน้ำขณะที่รอการระบาย อาจทำให้เกิดปัญหาการรั่วซึมอยู่บ่อยๆ ต้องมีการออกแบบการระบายน้ำที่ดี และใช้วัสดุกันซึม ปิดผิว ที่ดีมีคุณภาพ จึงไม่เป็นที่นิยมสำหรับภูมิประเทศเขตร้อนชื้นที่มีฝนตกชุกตลอกทั้งปี